วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

การสนทนาซื้อขายภาษาอังกฤษ

A : Good morning. Can I help you ?
( กู้ด ม้อร์นิ่ง แคน ไอ เฮล ยู )
สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ

B : Yes, please. I want to buy some fruit. Do you have some papayas ?
( เยส พลีส ไอ ว้อน ทู บาย ซัม ฟรุ้ท ดู ยู แฮฟ ซัม พัพพ่ะย่ะ )
มีค่ะ ฉันต้องการซื้อผลไม้ คุณมีมะละกอไหมคะ

A : Yes. How many do you want ?
( เยส ฮาว เม้นี่ ดู ยู ว้อน )
มีค่ะ คุณต้องการเท่าไหร่คะ

B : Two please, and give me six apples, a pomelo and a watermelon too. Do you have
Oranges ?
( ทู พลีส แอน กีฟ มี ซิกส แอปเปิล อะพอมมิโล แอน อะวอเทอร์มิเลิ่น ทุ ดู ยู แฮฟ
ออเรนจส )
เอา 2 ลูกค่ะ และฉันอยากได้แอปเปิ้ล 6 ลูก ส้มโอ 1 ลูก และแตงโม 1 ลูก คุณมีส้มไหมคะ

A : Yes. How many do you want ?
( เยส ฮาว เม้นี่ ดู ยู ว้อนท )
มีค่ะ คุณต้องการเท่าไหร่คะ

B : I want 2 kilos.
( ไอ ว้อน ทู กิโลส์ )
ฉันต้องการ 2 กิโลค่ะ


A : Is there anything else ?
( อิส แด เอนี่ทิ่ง เอ้ลส )
คุณต้องการสิ่งอื่นอีกไหม

B : No, that’ s all
( โน แดทส ออล )
ไม่ล่ะ พอแล้ว

คำศัพท์ ( Vocabulary )
Buy บาย ซื้อ
Fruit ฟรุ้ท ผลไม้
Papaya พัพพ่ะย่ะ มะละกอ
Coconut โคโคนัท มะพร้าว
Mango แม่งโก มะม่วง
Pomelo พอมมิโล ส้มโอ
Orange ออเร้นจ ส้ม
Pineapple ไพน์แอปเปิ้ล สับปะรด
Jackfruit แจ็คฟรุ้ท ขนุน



- Can I help you ?
( แคน ไอ เฮล ยู )
มีอะไรให้ฉันช่วยไหม

- I want to buy some fruit.
(ไอ ว้อน ทู บาย ซัม ฟรุ้ท )
ฉันต้องการซื้อผลไม้


- Do you have papayas ?
( ดู ยู แฮฟ พัพพ่ะย่ะ )
คุณมีมะละกอไหม

- How many do you want ?
( ฮาว เม้นี่ ดู ยู ว้อน )
คุณต้องการเท่าไหร่

- Is there anything else ?
( อิส แด เอนี่ทิ่ง เอ้ลส )
คุณต้องการสิ่งอื่นอีกไหม

- No, that’ s all.
( โน แดทส ออล )
ไม่ล่ะ พอแล้ว

ต้องการวิดีโอการซื้อขายภาษาอังกฤษ คลิกได้ที่นี่


ประโยคภาษาอังกฤษ การถามอาชีพ

ประโยคในการถามอาชีพเป็นภาษาอังกฤษ เอาแบบง่ายๆ สักสองอย่างนะค่ะ
What do you do?
ว็อท ดุ ยุ ดู (คุณทำงานอะไร)
What is your job?
ว็อท ทิส ยัว จอบ (งานของคุณคือะไร)
ส่วนคำตอบก็สามารถตอบได้สองแบบเหมือนกัน คือ
I’m doctor. 
ไอม มะ ด๊อคเทอะ (ฉันเป็นหมอ) บอกอาชีพไปเลย
I work in a hospital.
อาย เวิค คิน นะ ฮ๊อสปิเทิล (ฉันทำงานในโรงพยาบาล) บอกสถานที่ทำงาน
บอกอาชีพ

I’m a teacher.  (ไอม มะ ทีชเชอะ) ฉันเป็นครู
I’m a postman. (ไอม มะ โพ๊สเมิน) ฉันเป็นไปรษณีย์
I’m a policeman. (ไอม มะ พะลิ๊สเมิน) ฉันเป็นตำรวจ
I’m a teller. (ไอม มะ เท๊ลเลอะ) ฉันเป็นคนรับจ่ายเงิน
I’m a cook. (ไอม มะ คุก) ฉันเป็นพ่อครัว

บอกสถานที่ทำงาน

I work in ABC school. (อาย เวิค คิน เนบีซี สกูล)  ฉันเทำงานในโรงเรียนเอบีซี
I work in a post office. (อาย เวิค คิน นะ โพส  สตอฟฟิส) ฉันเทำงานในสำนักงานไปรณีย์แห่งหนึ่ง
I work in a police station. (อาย เวิค คิน นะ พะลิ๊ส สเต๊เชิน) ฉันเทำงานในโรงพักแห่งหนึ่ง
I work in a bank. (อาย เวิค คิน นะ แบ๊งค) ฉันเทำงานในธนาคารแห่งหนึ่ง
I work in a restaurant. (อาย เวิค คิน นะ เร๊สตะรอง) ฉันเทำงานในภัตตาคารแห่งหนึ่ง



การบอกทิศทาง (Asking for Directions)

การบอกทิศทาง  (Asking for Directions)

 

    ในการบอกทิศทางนั้น ต้องคำนึงถึงความถูกต้องของเส้นทางและการเดินทางที่สะดวกเพื่อให้ผู้ถามไม่สับสนหรือหลงเส้นทาง เลือกใช้ประโยคที่กระชับและเหมาะสม
    สำนวนการถามทิศทางที่นิยมใช้มีดังนี้
Excuse me, can  you  tell  me  how  to  get  to the museum, please?
(ขอโทษครับ กรุณาบอกทางไปพิพิธภัณฑ์หน่อยครับ)
Could you tell me the way to the supermarket, please?
(กรุณาช่วยบอกทางไปห้างสรรพสินค้าหน่อยครับ
Excuse me, can/could you give me direction to the university, please?
(ขอโทษครับ กรุณาช่วยบอกทางไปมหาวิทยาลัยหน่อยครับ)
 
นอกจากนี้ยังมีสำนวนอื่นๆ อีก เช่น
Can/Could  you tell me where .....  is?
Can/Could you direct me to....., please?
Excuse me. I’m looking for..... .
Is this the way to.....? เป็นสำนวนที่ใช้ถามในกรณีที่ผู้ถามต้องการถามเพื่อให้แน่ใจว่า  กำลังเดินไปตามทิศทางที่ถูกต้อง  เช่น
Is the way to the supermarket?
(นี่เป็นทางไปห้างสรรพสินค้าใช่ไหมครับ)
การบอกทิศทาง  สามารถใช้ได้หลายสำนวน  เช่น
1. การบอกระยะทางว่า อยู่ห่างแค่ไหน เช่น        
-  It’s about a mile from here.
   (ประมาณหนึ่งไมล์จากตรงนี้)
-  It’s about 200 meters from here.
    (ประมาณสองร้อยเมตรจากตรงนี้)
2. บอกเส้นทางโดยใช้รถประจำทาง เช่น
-  Take a number 21 bus. That will take you past museum. And then youget off at university.
    (ขึ้นรถประจำทางหมายเลข 21 คุณจะผ่านพิพิธภัณฑ์ หลังจากนั้นให้คุณลงที่มหาวิทยาลัย)
 
3. บอกเส้นทางโดยให้เดินไป  เช่น
          -  Go straight  ahead until you come to the traffic lights, then turn right.
             (เดินตรงไปข้างหน้าจนถึงสัญญาณไฟจราจร  จากนั้นก็เลี้ยวขวา)
          -  It’s about a ten-minute walk.
             (เดินไปประมาณ 10 นาที)
4. บอกเส้นทางโดยใช้รถแท็กซี่  เช่น
          -  You can catch a taxi. It’ll take you there in 10 minutes.
              (คุณสามารถเรียกแท็กซี่ จะใช้เวลาเดินทาง 10 นาที)

คำศัพท์และสำนวนที่น่าสนใจเกี่ยวกับการบอกทิศทาง
ขึ้นรถ  =  take / catch / get on
ลงรถ  = get off
หมายเลขรถ = bus number..... / a number.....  Bus
ป้ายรถเมล์ = bus stop
ค่าโดยสาร = fare
เลี้ยวซ้าย = turn left
เลี้ยวขวา = turn right
ทางซ้าย = on the left
ทางขวา = on the right
ข้ามถนน = cross the road
เดินผ่าน = walk past / go past
ทางแยก = intersection / crossroads
สุดถนน = at the end of the road
ก่อนถึง = just before
เดินตรงไป = Go straight. / Go straight ahead. / Keep going straight. /  Walk along the road.
เดินไปเรื่อยๆ จนถึง... = Keep going until you get to…
เลี้ยวที่แยกแรก / แยกที่สอง = Take the first / second turn.
มันอยู่ใกล้กับ... = It’s near / close to…
มันไม่ไกลจากที่นี่ = It’s not far from here.
มันอยู่ห่างจากที่นี่ 3 กิโลเมตร = It’s 3 kilometers from here.
มันอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณ 200 เมตร = It’s about 200 meters away from here.


Possessive Form of Nouns ( of )

การใช้ of  เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

 

" Of "  มีความหมายว่า ของ ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ

สำหรับสิ่งของและสถานที่ หรือสิ่งที่ไม่มีชีวิต

 

ดังตัวอย่างจากตารางข้างล่างนี้



ตัวอย่างประโยค

ความหมาย

ภาพสื่อความหมาย

   The cover of this notebook is blue.

    ปกของสมุดเป็นสีฟ้า

 

   That boy is standing on the bank of a river  

   เด็กชายคนนั้นยืนบนฝั่งน้ำ

 

   These are the branches of the tree.

   พวกนี้เป็นกิ่งก้านของต้นไม้




วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

Possessive Form of Nouns ( 's )

 


Possessive Form of Nouns

เป็นคำนามที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ คือ  's  




 


มีวิธีใช้ดังนี้



 

 
1.  ' s ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ โดยเราจะวางไว้หลังคำนามที่เป็นเจ้าของ เช่น


ตัวอย่างการใช้  's
 
ความหมาย
     Kate's car

     Students' shoes

     My father's hat

     The children's backpacks

     A bird's wings

     His girlfriend's gloves

     Yupa and Yupin's skirts
 
  รถยนต์ของเคท

  รองเท้าของนักเรียน

  หมวกของคุณพ่อของฉัน

  เป้ของพวกเด็ก ๆ

  ปีกของนก

  ถุงมือของแฟนเขา

  กระโปรงของยุพาและยุพิน
 


หลักในการใช้  's 


1. คำนามที่เป็นเจ้าของที่มีรูปเป็นเอกพจน์ ให้ใส่ 's หลังคำนามนั้น เช่น

 

 


ตัวอย่างประโยค
 
ความ
หมาย
ภาพสื่อความหมาย
     My mother's dress is very beautiful.
   ชุดของคุณแม่ของฉันสวยมาก

   A dog's tail is short.
   หางของสุนัขสั้น

   That girl's candies are very sweet.
   ขนมอมของเด็กคนนั้นหวานมาก



 


 

 
2. คำนามที่เป็นเจ้าของ ที่เป็นชื่อบุคคล ลงท้ายด้วย s หรือไม่ได้ลงท้ายด้วย s ให้ใส่ 's
หลัง
ชื่อบุคคลนั้น เช่น


 
ตัวอย่างประโยค
ความหมาย
ภาพสื่อความหมาย
  That is Tommy's car.
   นั่นคือรถยนต์ของทอมมี่

  Somchai's dog is very fat.
   สุนัขของสมชัยอ้วน

  Those are Kanchana's sisters.
   เขาเหล่านั้นเป็นน้องสาวของกาญจนา

 

  Mrs.Jones' s sons are very naughty.
   ลูกชายของนางโจนส์ซนมาก
  James's girlfriend is a singer.
   แฟนสาวของเจมส์เป็นนักร้อง

 




คำคุณศัพท์ที่ใช้บ่อย

คำคุณศัพท์ที่ใช้บ่อยมีอะไรบ้าง ดังนี้


 

 

 

 

afraid

อะเฟรด

กลัว

bad

แบด

เลว

beautiful

บิ๊วทิฟุล

สวย

better

เบ็ทเทอะ

ดีกว่า

big

บิก

ใหญ่

black

แบล็ค

ดำ

boring

บ๊อริง

น่าเบื่อ

bright

ไบร๊ท

สว่าง, ฉลาด

broad

บรอด

กว้าง

broken

โบร๊เคิน

แตก

cloudy

คล๊าวดิ

มีเมฆมาก

cold

โคลด

หนาว

cool

คูล

เย็น

crazy

เคร๊สิ

บ้าคลั่ง

curly

เค๊อลิ

หยิก

daily

เด๊ลิ

รายวัน

deep

ดีพ

ลึก

difficult

ดิ๊ฟฟิเคิลท

ยาก

dirty

เด๊อทิ

สกปรก

dry

ดราย

แห้ง

dull

ดัล

โง่

easy

อี๊สิ

ง่าย

empty

เอ็มทิ

ว่างเปล่า

excellent

เอ็กซะเลินท

ยอดเยี่ยม

excited

อิกไซ๊เท็ด

ตื่นเต้น

expensive

อิกซเป็นซิฝ

แพง

fast

ฟาสท

เร็ว

fat

แฟ็ท

อ้วน

fault

ฟ๊อลท

เท็จ

friendly

เฟร็นลิ

เป็นมิตร

funny

ฟั๊นนิ

ตลก

gentle

เจ็นเทิล

อ่อนโยน

good

กุด

ดี

great

เกรท

เยี่ยม

greedy

กรี๊ดิ

ตะกละ

green

กรีน

เขียว

half

ฮาฟ

ครึ่ง

handsome

แฮ๊นเซิม

หล่อ

happy

แฮ๊พพิ

มีความสุข

healthy

เฮ็ลธิ

มีสุขภาพดี

high

ไฮ

สูง

hot

ฮ็อท

ร้อน

hungry

ฮั๊งกริ

หิว

kind

ไคด

ใจดี

large

ลาจ

กว้าง

late

เลท

สาย

lazy

เล๊สิ

ขี้เกียจ

left

เล็ฟท

ซ้าย

light

ไลท

สว่าง

little

ลิ๊ทเทิล

เล็ก

long

ลอง

ยาว

loose

ลูส

หลวม

loud

ลาด

เสียงดัง

low

โล

ต่ำ

lucky

ลัคคิ

โชคดี

many

เม็นนิ

มาก

narrow

แน๊โร

แคบ

new

นิว

ใหม่

nice

ไนซ

ดี

noisy

น๊อยสิ

มีเสียงดัง

old

โอลด

แก่

perfect

เพ๊อเฟ็คท

สมบูรณ์แบบ

pretty

พริททิ

สวย

quick

ควิก

เร็ว

quiet

ไคว๊เยิท

เงียบ

rainy

เร๊นนิ

มีฝนตกชุก

red

เรด

แดง

right

ไรท

ถูก,ขวา

round

ราวด

กลม

sad

แซด

เศร้า

short

ชอท

สั้น

slow

สโล

ช้า

small

สมอล

เล็ก

snowy

สโน๊วิ

มีหิมะตก

sunny

ซั๊นนิ

มีแดดออก

tall

ทอล

สูง

tight

ไทท

แน่น

tiny

ไท๊นิ

เล็ก

tough

ทัฟ

เหนียว

true

ทรู

จริง

ugly

อั๊กลิ

น่าเกลียด

warm

วอม

อุ่น

weak

วีค

อ่อนแอ

well

เว็ล

ดี

wet

เว็ท

เปียก

white

ไวท

ขาว

wide

ไวด

กว้าง

windy

วิ๊นดิ

มีลมพัด

wise

ไวส

ฉลาด

wrong

รอง

ผิด

yellow

เย็ลโล

เหลือง

young

ยัง

เป็นเด็ก

your

ยัว

ของคุณ